วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

กิจกรรม "การประดิษฐ์ดอกกุหลาบจากใบเตยหอม"

กิจกรรม "การประดิษฐ์ดอกกุหลาบจากใบเตยหอม"
วันที่ 12 กรกฎาคม 2556







กิจกรรม "แห่เทียนพรรษา ณ วัดธรรมบูชา"

กิจกรรม "แห่เทียนพรรษา ณ วัดธรรมบูชา"
วันที่ 19 กรกฎาคม 2556










กิจกรรม "ห้องน้ำสะอาด สร้างสุข"

กิจกรรม "ห้องน้ำสะอาด สร้างสุข"
วันที่ 5 กรกฎาคม 2556










กิจกรรม "วันแม่แห่งชาติ"

กิจกรรม "วันแม่แห่งชาติ"
วันที่ 12 สิงหาคม 2556








กิจกรรม "อบรม เทคโนโลยีโทรคมนาคมเพื่อคนพิการและผู้ด้อยโอกาส"

กิจกรรม  "อบรม เทคโนโลยีโทรคมนาคมเพื่อคนพิการและผู้ด้อยโอกาส"
วันที่ 27 กรกฎาคม 2556




19 วิธีดูแลผมที่คุณรัก (Lisa)

ผมนุ่มสลวย มีน้ำหนัก เป็นเงางาม เป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงทุกคน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมของแต่ละคน นอกจากนี้ การดูแลผมที่ผิดวิธีก็ทำให้ผมเสีย จัดทรงยาก ดูไม่มีชีวิตชีวา โดยเฉพาะผู้ที่มีผมเส้นเล็ก มักจะมีปัญหาในการจัดแต่งทรงผมยากเป็นพิเศษ จนกลายเป็นความกังวล
          ต่อไปนี้คุณไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว เพราะมีผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมชนิดต่างๆ ให้คุณเลือกมากมาย คงมีบางชนิดที่เหมาะกับลักษณะเส้นผมของคุณ นอกจากนี้ เรายังมีเคล็ด (ไม่ลับ) มากระซิบบอกคุณถึงวิธีดูแลจัดแต่งทรงผม โดยเฉพาะสำหรับผมเส้นเล็ก เพื่อคุณจะได้มีทรงผมสวยอย่างที่คุณใฝ่ฝันมานาน แล้วคุณจะตะลึงกับความสวยของคุณ หลังจากที่ได้ทดลองทำตามข้อแนะนำทุกข้อต่อไปนี้

1. ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม
    ผมเส้นเล็กบาง ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเคราติน คาราไมล์ หรือแพนทีนอล เพื่อปกป้องเส้นผมให้รอดพ้นจากการทำลายของสายลม แสงแดด และช่วยให้ผมดูหนาขึ้น
2. เปลี่ยนผมแสกข้าง
     ถ้าคุณแคยแต่แสกผมอยู่ข้างเดียวมาตลอด จะทำให้ทรงผมแบนราบอยู่ด้านเดียว ทดลองเปลี่ยนผมแสกข้างมาอีกด้านหนึ่งบ้างจะทำให้ผมดูหนาและได้รูปทรงดีขึ้น ช่วยหนีความจำเจได้อีกด้วย
3. แชมพูช่วยขจัดสารเคมีที่ตกค้าง
     หากใช้ยาสระผมจำพวก แคลริฟายอิง แชมพู (Clarifing Shampoo) จะทำให้ผมเส้นเล็กดูหนาและจัดทรงง่ายขึ้น คุณควรสระผมด้วย แคลริฟายอิง แชมพู อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เพื่อชำระล้างสารเคมีที่ตกค้างบนเส้นผม ปรับสภาพสู่สมดุลตามธรรมชาติ
4. ผมแห้ง
    ไม่ควรใส่ทรีตเมนต์ขณะที่ผมยังเปียกอยู่เพราะจะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ให้ไดร์ผมเป็นรูปกากบาทจนเกือบแห้ง แล้วจึงนวดผมด้วยโฟมแต่งผม จากนั้นไดร์ให้แห้ง
5. ผลิตภัณฑ์ ทู อิน วัน
     ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท ทู อิน วัน เพราะจะมีสารตกค้างติดเส้นผมทุกครั้งที่สระ จะทำให้ผมเกาะติดกันและยากต่อการจัดทรงผม
6. การฉีดสเปรย์
       เมื่อทำผมเสร็จ ให้ฉีดสเปรย์จากล่างขึ้นบน สำหรับผู้ที่มีผมยาวไม่ควรฉีดสเปรย์บนศีรษะ แต่ให้ฉีดจากด้านข้างและด้านล่างขึ้นมา จะทำให้ผมได้ทรงสวย
7. ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมเพียงเล็กน้อย
      โดยปกติ คนที่มีผมเส้นเล็กมักใช้แวกซ์ เจล หรือบาล์ม แต่จริงๆ แล้วผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เหมาะกับผมเส้นเล็ก เพราะจะทำให้ผมแข็งทื่อและหยาบ นอกจากนี้ เมื่อคุณออกไปเจอสายลม แสงแดด น้ำยาแต่งผมจะเกาะกันเป็นก้อน ลองเปลี่ยนมาใช้สเปรย์จัดแต่งทรงผมในระหว่างไดร์ผม โดยฉีดจากล่างขึ้นบนทีละช่อและไดร์ให้แห้ง ผมจะนุ่มสลวยได้รูปทรงดี
8.สระผมทุกวัน
      ผมเส้นเล็กมักจะมีปัญหาผมมันเร็ว จึงควรสระผมทุกวันด้วยโวลุ่ม แชมพู (Volume Shampoo) โดยไม่ต้องใช้ครีมนวดผม เพื่อทำให้ผมมีน้ำหนักและหนาขึ้น
9. การดูแลผมเส้นเล็กแบบง่ายๆ
         โดยทั่วๆ ไป วิธีการดูแลรักษาผมเส้นเล็กบอบบางมักจะยุ่งยากโดยไม่จำเป็น ผลิตภัณฑ์พิเศษในการดูแลรักษาผมเส้นเล็กก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีโวลุ่มเพียงเล็กน้อยก็ช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรงเพียงพอ
10. ทำทรงผมให้มีชีวิตชีวา
          ฉีดผมให้ชื้น จากนั้นนวดผมด้วยครีมจัดแต่งทรงผมหรือโฟมเล็กน้อย และปล่อยให้แห้งเอง
11. ทำผมให้ตัวเอง
          ผู้ที่มีผมยาวและเหยียดตรง หากมัดผมให้สูงเป็นหางม้าทิ้งไว้ทั้งคืน รุ่งขึ้นคุณจะมีผมทรงใหม่อีกสไตส์หนึ่ง ประหยัดทั้งเงินและเวลาเข้าร้านทำผม
12. เครื่องไดร์ผม
     การไดร์ผมอย่างถูกวิธีจะทำให้สวยได้นานหลายชั่วโมง เพราะว่ารูเล็กๆ ของเครื่องไดร์ผม จะเป่าตรงโคนผมได้ ทำให้ทรงผมอยู่ตัว
13. ผมเย็น
   หลังจากที่ไดร์ผมเสร็จแล้ว ควรปล่อยให้ผมเย็นลงทุกครั้งก่อนที่จะแต่งทรงผม เพราะจะทำให้ผมดูหนาและอยู่ทรงได้นาน ไม่ทำลายสภาพผมด้วย
14. โรลม้วนผมจัมโบ้
  สำหรับผู้ที่ไว้ผมยาวหรือมีความยาวระดับไหล่ ให้ไดร์ผมจนเกือบแห้ง จากนั้นฉีดโวลุ่มสเปรย์ (Volume Spray) ให้ชื้นแล้วจึงม้วนผมด้วยโรลจัมโบ้ (อย่าม้วนผมลดหลั่นกัน แต่ให้ม้วนไปรอบๆ) จากนั้น ไดร์ผมและปล่อยให้เย็นลง ก็จะได้ผมสวยตามต้องการ
15. การทำให้ผมไม่แบนราบ
    เทคนิคการตัดผมเพื่อหนุนให้ผมได้ทรงตามต้องการและแลดูหนา สำหรับผมที่ไม่มีน้ำหนักและยาวแค่คาง ให้แบ่งผมบนศีรษะและตัดผมบริเวณโคนผม สัก 2-3 ซ.ม. ให้เป็นรูปสามเหลี่ยมเล็กๆ จะช่วยให้จัดผมได้รูปทรงสวยและไม่แบนราบ
16. เทคนิคสำหรับผมสั้น
     นวดผมด้วยน้ำยาจัดแต่งทรงผม แล้วจึงหนีบผมด้วยที่หนีบและไดร์ผมที่โคน จากนั้นปล่อยให้เย็นลง ดึงที่หนีบออก และเอานิ้วยีผมให้เป็นทรง
17. แปรง
    ก่อนที่ผมจะแห้ง ให้ไดร์ผมโดยใช้แปรงกลม หวีเข้าด้านในบ้าง ด้านนอกบ้างสลับกันไป แล้วจึงฉีดสเปรย์
18. การไดร์ผม
     ไม่ควรไดร์ผมทันทีหลังสระ แต่เช็ดผมพอหมาดด้วยผ้าขนหนูก่อน จากนั้นฉีดโวลุ่มสเปรย์ที่โคนผมแล้วจึงไดร์ผมทั้งศีรษะโดยใช้มือช่วย
19. ผมอยู่ทรง
     แบ่งผมแล้วจับยกให้สูง จากนั้นฉีดสเปรย์ที่โคนผมและไดร์ให้แห้งแล้วปล่อยให้ผมเย็นลง วิธีนี้จะทำให้ผมอยู่ทรงและดูหนาขึ้น


ทำอย่างไรจึงจะมีสุขภาพดี

คำถามที่ถามกันบ่อยคือ ทำอย่างไรจึงจะทำให้สุขภาพดี การจะทำให้มีสุขภาพดีต้องพิจารณาจากองค์ประกอบ 5 ประการ โดยเริ่มจากการกินก่อน ดังนี้
1. การกิน
     หากกินผิดนอกจากจะแก่เร็วแล้ว ยังทำให้ป่วยด้วยอาหารที่ทำลายสุขภาพที่สุดคือ เนื้อ นม ไข่ ผมไปทำงานที่โรงพยาบาล (บางประกอก 1) สัปดาห์ละสองวัน พบว่าเด็กสมัยนี้ป่วยเป็นมะเร็งกันมาก บางคนเป็นตั้งแต่อายุยังน้อย มีกรณีหนึ่งอายุ 11 ขวบ ป่วยเป็นมะเร็งนม สอบถามผู้ปกครอง ปรากฏว่าเด็กคนนี้กินไก่พวกฟาสต์ฟู้ดส์วันละตัว ทำให้ตัวโตผิดปกติ เพราะรับฮอร์โมนจากไก่ที่ติดมาจากกระบวนการเลี้ยง เมื่อร่างกายรับสารเหล่านี้เข้าไปมากๆ จะทำให้เซลล์เติบโตผิดปกติ และกลายเป็นมะเร็งได้ น้ำตาลซูโครสหรือน้ำตาลฟอกขาวก็เช่นกัน เป็นเหมือนยาพิษ เมื่อกินเข้าไปบ่อยๆ จะไปเคลือบต่อมย่อยอาหารในลำไส้ ทำให้เกิดพิษ (toxin) และทำให้ร่างกายป่วย เรื่องของอาหาร คุณกินผิดหรือไม่ ลองไปสำรวจตัวเองดู ตัวอย่างที่แสดงว่าคุณกินผิด อาการจะมีหลายอย่าง ตั้งแต่เจ็บป่วย เล็กๆ น้อยๆ จนกระทั่งไปถึงเรื่องมะเร็ง ล้วนเกี่ยวกับเรื่องของการกินทั้งสิ้นเปลี่ยนนิสัยการกินเป็นเรื่องยากตั้งแต่ผมทำการแพทย์ทางเลือก การแพทย์ผสมผสานมา สิ่งที่ยากที่สุดในโลกคือการเปลี่ยนนิสัยการกิน เพราะสิ่้งที่คุณชอบมันไปติดอยู่ในสมองคุณ มันเป็นเจ้านายคุณ ไม่กินหวานไม่ได้เพื่อนผมอยู่เยอรมนี ภรรยาเป็นโรคเบาหวาน พอผมไป เขาดีอกดีใจ ขอให้ช่วยแนะนำหน่อย จะช่วยแก้เบาหวานได้ไหม ผมบอกว่าง่ายนิดเดียว ผมก็ทำสูตรอาหารให้ พอเห็นสูตรอาหารเขาถามว่าแป้งต้องเป็นแป้งไม่ขัดขาวแปลว่าอะไร ผมก็บอกว่าเป็นพวกข้าวแดง เขาถามอีกว่ากินก๋วยเตี๋ยวได้ไหม มะกะโรนีกินได้ไหม สปาเกตตีกินได้ไหม ผมบอกว่าทุกอย่างที่ทำมาจากแป้งขาวกินไม่ได้ เขาบอกว่าไม่รักษาแล้วเพราะอะไรน่ะหรือ คนเป็นเบาหวานติดแป้งขาว หากไม่ได้กินจะกระวนกระวาย ติดรสหวาน หากไม่ได้กินจะหงุดหงิดมันเป็นความจำส่วนหนึ่งในสมอง ถ้าคุณแก้ตรงนี้ได้ คุณเป็นเจ้านายเลยมีคนแถวบ้านที่สนิทกันมากมาให้รักษามะเร็งปอด เป็นเถ้าแก่ใหญ่ อายุเจ็ดสิบกว่า ผมก็ทำสูตรอาหารชีวจิตให้กิน ให้ปฏิบัติ แล้วก็ให้ยาแบบชีวจิต อาการก็ดีขึ้นเป็นลำดับ เดินได้วิ่งได้ อยู่มาวันหนึ่งแกให้ลูกชายมาเรียกผมไปคุย ถามว่าจะให้กินแบบนี้ไปอีกนานเท่าไร ผมถาม ทำไมล่ะ กินมาแล้วแข็งแรงดี หายจากโรคภัยไข้เจ็บ มันดี เถ้าแก่ก็กินต่อไปสิ แกตอบว่า "ถ้าให้กูกินแบบนี้ ให้กูตายดีกว่า" แกพูดอย่างนี้จริงๆการเปลี่ยนเรื่องนิสัยการกินยากที่สุดในโลก เพราะในสมองจะมีสารตัวหนึ่ง เราเรียกว่า "Brain Chemistry" ซึ่งจะมีผลต่อส่วนต่างๆ ของสมอง ซึ่งมาบังคับให้คุณทำอะไรตามอิทธิพลของสมอง ตรงส่วนที่ว่าเราชอบอย่างโน้นชอบอย่างนี้ และเกลียดตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งส่วนนี้จะอยู่ในส่วนกลางของสมอง เรียกว่า "Bid Brain"ตกลงคือว่าเราต้องหัดร่างกายให้ดี แล้วร่างกายดี มีสุข สนุกกับการทำงาน ร่างกายดีคือ สุขภาพต้องดี สุขภาพร่างกายแข็งแรง จิตใจก็ดี เพราะจิตใจเป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพ เราต้องมีวิธีฝึกปฏิบัติหัดให้ร่างกายผ่อนคลาย (Relax) ฝึกสมาธิง่ายๆ เพื่อให้ใจสงบผมมีหลานอายุขวบกว่าก็กินชีวจิต พอโตหน่อยไม่ได้กินนมแม่แล้ว ก็ให้กินนมถั่วเหลืองและกินข้าวซ้อมมือ แล้วทำน้ำอาร์.ซี.ให้กิน  แกก็แข็งแรงและท่าทางจะฉลาดกว่าปู่เสียอีกผมชอบสูตรของพระนะ ถ้าพระวัดป่ากินอาหารมื้อเดียวดูน้อยเกินไป ส่วนพระธรรมดากินอาหาร 2 มื้อ งดอาหารเย็นอันนี้ถูกต้อง ตามหลักของสรีรวิทยาบอกว่า เมื่ออายุ 30 ขึ้นไป ทุกๆ สิบปีควรจะลดแคลอรีของอาหาร 8 เปอร์เซ็นต์ อายุ 50 ปี ลดไป 16 เปอร์เซ็นต์ ลดพลังงานจากอาหารให้น้อยลง แต่ไม่ได้ลดปริมาณอาหาร มื้อเย็นไม่จำเป็นต้องกิน แต่เราไม่ได้เป็นพระ มื้อเย็นก็กินพวกผลไม้ น้ำผลไม้ อะไรนิดๆ หน่อยๆ เพื่อให้มีอะไรรองท้อง ทำให้เราสดชื่น มีชีวิตชีวา เพราะฮอร์โมนส่วนมากมาจากอาหาร
2. การนอน
    พื้นฐานอีกอันหนึ่งนอกจากการกินแล้วคือ เรื่องนอนเรานอนผิดเพราะอะไร เพราะชีวิตประจำวันของคนสมัยใหม่อาจจะต้องนอนดึก ดูทีวี ติดละครเรื่องนั้นเรื่องนี้ กว่าจะนอนบางทีสองยาม ตีหนึ่ง เป็นต้น  หลายท่านคงจะจำได้ตั้งแต่ชั้นประถมว่าน้องนอนวันละ 8 ชั่วโมง แต่ไม่เคยสอนว่าคุณต้องนอนให้หลับสนิท แล้วก็หลับลึก เรื่องเวลา 8 ชั่วโมง หรือ 9 ชั่วโมงไม่เกี่ยวนอนกินบ้านกินเมืองนอนอย่างไร ไปเที่ยวคืนวันศุกร์ กลับดึก นอนตั้งแต่คืนวันศุกร์มาถึงเช้า ไม่ลุกกินข้าว นอนต่อเช้าวันเสาร์ไปถึงคืนวันเสาร์ ถึงเช้าวันอาทิตย์ยังไม่ตื่น นอนต่อไปอีกคืนวันอาทิตย์ แล้วพอถึงวันจันทร์ต้องตื่นไปทำงาน คลานออกมาในลักษณะที่ไม่เป็นผู้เป็นคน ทั้งๆ ที่คุณนอนมาศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แต่ไม่มีแรง เพราะอะไร มันนอนผิดถ้าคุณเป็นนักเศรษฐศาสตร์หรือนักคำนวณ ชีวิตของคุณขาดทุนอย่างร้ายแรง ลองคิดดู นอน 8 ชั่วโมง แปลว่าต้องนอนถึง 1 ใน 3 ของชีวิต วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง คุณนอน 8 ชั่วโมง เท่ากับ 1 ใน 3 คุณหมดไปกับการนอน ถ้าเกษียณอายุ 60 ปี แปลว่าคุณนอนมา 20 ปี ตกลงคุณนอนผิดทั้งในด้านเศรษฐศาสตร์และด้านสุขภาพ
3. การทำงาน
     ผมไปจัดคอร์สสุขภาพที่สวนสามพราน คอร์สหนึ่งประมาณ 3-4 วัน ไปชอบใจคนทำงานอยู่คนหนึ่งชื่อ่คุณสนิท ตำแหน่งรองผู้จัดการฝ่ายสถานที่ ดูแลเกี่ยวกับเรื่องของอาหารและความสะดวกในการประชุมผมว่าเขาเป็นคนมีความสุขมาก เพราะเป็นคนรักงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานด้านบริการ เวลาที่มีงานเลี้ยง คุณสนิทจะไปเช่าเต็นท์มา บอกว่าฝนตกงานพังแน่ ผมชอบใจวิธีแก้ของเขา และเขาใช้หมด ไม่ว่าจะเป็นไสยศาสตร์ ไปขอธงของหลวงพ่อมา เพราะเชื่อว่าปักแล้วฝนไม่ตก เสร็จแล้วฝนก็ตก และอาจเป็นเรื่องเล่นๆ อะไรไม่ทราบ เขาเชื่อว่าผมช่วยห้ามฝนได้ เพราะผมเคยเป็นคนไปบนให้เขาแล้วฝนไม่ตก พอตอนเช้ามีคนประมาณ 120 คนต้องรำกระบองกันต้งแต่ตีสี่ครึ่ง เขาก็กลัวอีกว่าฝนจะตก ผมบอก ไม่ต้องกลัว ทำใจดีๆ ไว้ ฝนไม่ตกหรอก แล้วฝนก็ไม่ตกจริงๆที่ผมรู้สึกสนุกไปด้วยเพราะว่าเขาชอบบริการ คนยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดีใจ ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีสี่มาดูว่าตรงไหนไม่เรียบร้อยก็วิ่งไปทำเอง ไปขนของเอง แม้กระทั่งไปทำกับข้าวเองก็ยังไปทำ ผมเพิ่งเห็นคนอายุ 55 ปีแบบนี้ แต่มีความสุขกับการทำงาน รักที่จะบริการคนเขามีความทุกข์สมัยที่ร่างกายเคยอ้วน มีโรคความดันโลหิตสูง ทำอะไรนิดหน่อยก็หายใจหอบ เหนื่อยง่าย เราก็แนะนำเรื่องอาหารชีวจิต เรื่องการออกกำลังกาย เรื่องนอนและเรื่องอื่นๆ และเขาก็ทำได้ เดี๋ยวนี้รูปร่างดี มารำกระบองกับเรา พวกหนุ่มๆ สู้ไม่ได้ เพราะรำกระบองแบบชีวจิตเหนื่อยมากตัวอย่างนี้แสดงว่าความสุขในการทำงานถึงแม้จะมีใจรัก มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อยากจะบริการคน แต่ถ้าร่างกายไม่ให้ สุขภาพไม่ให้ มันก็อาจกลายเป็นความทุกข์
4. การพักผ่อน
     ตอนนี้จะแนะนำให้รู้ก่อนว่า กิน นอน ทำงานผิด สุขภาพจะไม่ดี อายุสั้น มีความทุกข์มาก ส่วนเรื่องการพักผ่อนต้องลางาน 2 อาทิตย์ แล้วลาไปเที่ยวเมืองนอกเป็นแฟชั่นนิยมอีกเหมือนกัน เพราะผลปรากฏว่ากลับมามีอาการหน้าซีดหน้าเซียวเพราะเป็นหนี้ อย่าเช่นไปสวิตเซอร์แลนด์ใช้เงินอย่างต่ำๆ ก็สามแสนกว่า อยากโก้ก็เลยกู้เงินไป แล้วไปช่วงคนเที่ยวกันเยอะๆ ที่พักก็เต็ม ตระเวนเสียแทบแย่ หาที่พักได้ก็ต้องไปจ่ายสามสี่เท่าของราคาจริง กลับมาเหนื่อยด้วย เป็นหนี้ด้วย ไม่มีความสุข เกิดการพักผ่อนผิด เพราะเข้าใจคอนเซ็ปต์ของการพักผ่อนผิดถ้าพักผ่อนแบบของชีวจิตไม่ต้องไปสวิส อยู่ที่นี่ก็ได้ นั่งที่นี่ก็ได้ ฝึกวิธีหายใจให้ถูก ตกลงคนพักผ่อนได้ทุกขณะไม่ต้องเสียเงิน โดยอย่าไปยึดว่าพักผ่อนต้องลางาน ต้องขึ้นเครื่องบิน ต้องไปเที่ยว ไม่เอาแบบนั้น
5. การออกกำลังกาย
     กิน นอน ทำงาน พักผ่อน ออกกำลังกาย ผมให้ความสำคัญเท่ากับเรื่องของการกิน เหมือนกับรถยนต์ ถึงแม้คุณอาจจะใช้น้ำมัน 95 ก็ตามที แต่คุณถนอมเครื่องไม่เอารถไปวิ่ง ความจริงรถอยู่เฉยๆ พังนะครับ เปรียบกับคุณกินของดีๆ ไปเยอะๆ แต่ไม่ออกกำลังกาย คุณพังนะครับเราก็เลยมีหลักการออกกำลังกายของเรา ต้องออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันได้ยิ่งดี ให้สม่ำเสมอ คุณจะเล่นอะไรก็ได้ แต่ต้องให้ได้เหงื่อออกโซมเลย หัวใจเต้นแรงแปลได้ว่าหัวใจทำงานเต็มที่ ควรจับชีพจรดูให้ได้ 120 ขึ้นไป คุณจะได้ยาวิเศษประจำตัวของคุณออกมาจากตัวคุณเอง คือ โกร๊ธฮอร์โมน (growth hormone) ซึ่งมีมาตั้งแต่เกิด แต่พออายุประมาณ 20 ปี โกร๊ธฮอร์โมนจะหลั่งน้อยลง อายุจวนๆ 30 ปีไม่หลั่งเลยเพราะฉะนั้น ถ้าออกกกำลังกายถูกต้อง กิน นอน ทำงาน พักผ่อน ออกกำลังกาย ซึ่งในชีวิตประจำวันมีอยู่เท่านี้ตามหลักชีวจิตเอาเรื่องสุขภาพกับเรื่องของการแพทย์เข้ามาเกี่ยวกัน กินต้องกินให้ถูก นอนต้องนอนให้ถูก ทำงานต้องทำงานให้ถูก พักผ่อนให้ถูก ออกกำลังกายให้ถูก เริ่มต้นจากชีวิตประจำวันก่อน กิน นอน และทำงานให้ถูกต้อง เพื่อให้อินมูนซินเต็ม (Immune System) ดีขึ้น เพราะว่าถ้าคุณทำงานถูกแล้วคุณไม่เครียด ความเครียดเป็นตัวทำลายอินมูนซิสเต็ม ซึ่งเป็นพลังวิเศษของคุณระบบหายใจประกอบไปด้วยหลอดลม ปอด หัวใจ กะบังลม ซึ่งเป็นพื้นฐานของสุขภาพ และต้องอาศัยการกิน นอน ทำงาน พักผ่อน ออกกำลังกายให้ถูกต้อง คุณจะสร้างตึกแข็งแรง สวยเหลือเกิน ต้องดูที่ฐานราก ต้องดูตั้งแต่ตอกเสาเข็ม ลงคอนกรีต คุณรู้ไหม ตึกจะสูงกี่ร้อยชั้น จะอยู่ได้ทนถาวรแค่ไหนอยู่ที่ฐานราก
     ฐานรากของคนเราก็คือ การกิน การนอน การทำงาน การพักผ่อน และการออกกำลังกาย

วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

11 วิธีง่ายๆ ห่างไกลโรคมะเร็ง

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าโรคมะเร็งเป็นโรคที่ส่วนหนึ่งเกิดจากพันธุกรรม นอกจากนี้ปัจจัยของการเกิดโรคมะเร็งอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อม พฤติกรรมการรับประทานอาหารและการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมาะสม
       โรคมะเร็งเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยไปแล้วถึงปีละ 6 หมื่นกว่าคน ดังนั้นวันนี้ผู้เขียนจึงมานำเสนอวิธีการดำเนินชีวิตง่ายๆ ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง ดังนี้
       1.ดื่มน้ำที่สะอาด การลดสารที่ก่อตัวทำให้เกิดโรคมะเร็งวิธีหนึ่ง คือการดื่มน้ำที่สะอาด จากการศึกษาที่เพิ่มค้นพบใหม่จากสถิติของสถาบันมะเร็งพบว่าการดื่มน้ำสะอาดจากเครื่องกรองจะดีกว่าการดื่มน้ำจากขวดพลาสติกที่มีคุณภาพน้ำต่ำกว่ามาตรฐาน และจากการศึกษาของสมาคมสิ่งแวดล้อมพบว่าการเก็บรักษาน้ำในเหยือกแก้ว หรือภาชนะสเตนเลส จะดีกว่าการเก็บรักษาในภาชนะพลาสติก
       2.พยายามหลีกเลี่ยงการสูดดมหรือสัมผัสก๊าซขณะเติมน้ำมันรถ เพราะสารพิษที่อยู่ในอากาศสามารถเข้าสู่ปอดและหากกระเด็นสู่ผิวหนังจะทำให้เกิดมะเร็งได้
       3.การหมักเนื้อสัตว์ก่อนการปรุงอาหาร การทำอาหารประเภทปิ้งย่างนั้นหากไหม้หรือมีเศษสีดำของการเผาของถ่านติดอยู่จะทำให้เกิดมะเร็งได้ ดังนั้นหากจะทำการปิ้งย่างอาหาร งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Kansas พบว่าการหมักเนื้อสัตว์เหล่านั้นก่อนการปิ้งย่างอย่างน้อยประมาณ 1 ชั่วโมงสามารถลดสารก่อมะเร็งจากการปิ้งย่างเผาได้ถึง 87%
       4.ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำอย่างพอเพียงสามารถลดความเข้มข้นของการขับถ่ายปัสสาวะได้และลดมะเร็งที่อาจเกิดขึ้นกับกระเพาะปัสสาวะได้ด้วย ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันหรือให้ปริมาณปัสสาวะมีสีเจือจางเมื่อขับถ่ายทุกครั้ง
       5.รับประทานผักผลไม้สีเขียว เพราะสารแมกนีเซียมจากพืช ผักสีเขียวช่วยลดมะเร็งลำไส้ได้โดยเฉพาะสุภาพสตรี อีกทั้งการได้รับสารแมกนีเซียมที่เพียงพอ จะช่วยให้เซลล์ในร่างกายทำงานอย่างปกติ การรับประทานผักขมครึ่งถ้วยต่อวันให้ปริมาณแมกนิเซียม 75 มิลลิกรัม ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย
       6.ออกกำลังกายลดการเกิดมะเร็งเต้านม การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยเผาผลาญไขมัน ดังนั้นการออกกำลังกายโดยการเดินเร็วอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ช่วยลดการเกิดมะเร็งเต้านมได้ถึง 18%
       7.ลดการส่งเสื้อผ้าไปซักแห้ง จากการวิจัยของ National Academies of Science เมื่อต้นปี 2010 ระบุว่าการซักแห้งหรือซักน้ำมันโดยสาร perc (perchloroethylene) จะมีผลให้เกิดการก่อสารมะเร็งต่อปอด ไตและตับได้เมื่อสูดดมเป็นเวลานาน ดังนั้นการใช้สารซักแห้ง ซักน้ำมันที่ทำให้ผ้าเรียบอาจไม่ปลอดภัยอีกแล้ว
       8.ลดการใช้ปริมาณสารเคมีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสารฟอกขาว สารเคมีในการขัดห้องน้ำ สารขจัดคราบสกปรกต่างๆ เพราะหากใช้สารเหล่านั้นเป็นเวลานาน การสูดดมหรือสัมผัสจะก่อให้เกิดมะเร็งได้ การทำความสะอาดห้องน้ำโดยใช้น้ำส้มสายชูก็เป็นทางเลือกใหม่ที่ดีไม่น้อย
       9.หลีกเลี่ยงการผ่านสารรังสี ไม่ว่าจะเป็นการฉายแสงตรวจดูมะเร็งเต้านมประจำปี การทำแมมโมแกรม เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก่อให้เกิดมะเร็งถึง 4-5 เท่าเลยทีเดียว การตรวจมะเร็งโดยใช้วิธีคลำหา และไม่ผ่านรังสีอาจช่วยลดความเสี่ยงภาวะการเกิดมะเร็งได้ดีกว่า
       10.ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือโดยการแนบหูเป็นเวลานาน เนื่องจากสัญญาณโทรศัพท์มีคลื่นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้นการใช้โทรศัพท์โดยมีอุปกรณ์เสริมจะลดผลกระทบต่อระบบประสาทและสมองได้
       11.ทาโลชั่นกันแดด เนื่องจากแสงยูวี จากแสงอาทิตย์มีปริมาณมากในปัจจุบันทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังได้ ดังนั้นการทาโลชั่นกันแดดจะช่วยลดปริมาณแสงอาทิตย์ที่จะส่งผลต่อมะเร็งผิวหนัง โดยเฉพาะคนที่ศีรษะล้าน มีผมน้อยควรทาโลชั่นกันแดดเพื่อลดปริมาณสารยูวี
       นอกจากนี้การดูแลร่างกายให้ปลอดภัยจากมะเร็งยังมีอีกหลายวิธี เช่นการรับประทานอาหารที่สะอาด รับประทานข้าวขัดสีน้อยแทนข้าวขาว เสริมแคลเซียมให้เพียงพอ รวมทั้งการมีสุขภาพจิตที่แจ่มใสก็เป็นตัวช่วยที่ดี ให้เรามีชีวิตที่ปลอดจากมะเร็ง ลองศึกษาและเปลี่ยนการดำเนินชีวิตใหม่ดูนะคะ เพื่อการมีสุขภาพที่ดีจะได้อยู่เป็นที่พึ่งของลูกหลานต่อไป ผู้เขียนเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ

อาหารเพื่อสุขภาพ - กรุ๊ปเลือดกับการกิน



จริงแล้วคนแต่ละกรุ๊ปเลือดนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกันรวมถึงกระทั้งการย่อยโปรตีนจากอาหารด้วย ดังนั้นจึงมีคนคิดค้นเรื่องนี้ขึ้นมา นั้นก็คือ นายปีเตอร์ ดี อาดาโม่ เขาได้แนะนำการกินอาหารของแต่ละกรุ๊ปดังนี้

คนกรุ๊ปเลือดโอ เหมาะกับอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น พวกเนื้อสัตว์ และธัญพืชต่างๆ บวกกับการต้องออกกำลังกายด้วย

คนกรุ๊ปเลือดเอ คนกรุ๊ปเลือดที่ย่อยอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตได้ดี ฉะนั้นคนกรุ๊ปเลือดนี้ควรบริโภคอาหารจำพวก ถั่วต่างๆ ธัญพืช ผัก แต่ก็ควรกินอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ด้วย

คนกรุ๊ปเลือดบี คนกรุ๊ปเลือดนี้มีระบบย่อยอาหารที่ยืดหยุ่น ฉะนั้นสามารถที่จะกินเนื้อสัตว์ได้อย่างสบาย และผลิตภัณฑ์ต่างๆจากนม สิ่งที่ต้องหลีกเหลี่ยงคือ อาหารจำพวก ธัญพืช ข้าวโพด ถั่วต่างๆ

คนกรุ๊ปเลือดเอบี คนกรุ๊ปเลือดนี้ไม่ควรจะกินเนื้อสัตว์แต่ควรกินอาหารจำพวก อาหารทะเลแทน

ทำไมเบอร์รี่ ถึงดีกับดวงตา



บิลเบอร์รี่(Bilberry) ป็นผลไม้สีน้ำเงินม่วง ที่พบมากในประเทศแถบยุโรป แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ในแถบอังกฤษและยุโรปตอนเหนือ นิยมนำผลบิลเบอร์รี่สุกมาทำเป็น
แยมมานานกว่า 100 ปีแล้วนอกจากนี้ยังนำส่วนของใบและก้าน ไปทำเป็นผลแห้งเพื่อทำเป็นผงชาสำหรับดื่มเพื่อสุขภาพกันอย่างแพร่หลายอีกด้วย

        บิลเบอร์รี่ เริ่มฮิตติดอันดับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จากการที่นักบินทหารอากาศของประเทศอังกฤษ สังเกตว่ากินแยมบิลเบอร์รี่ก่อนฝึกบินในเวลากลางคืน ช่วยให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด 

       นักวิจัยชาวฝรั่งเศสพบว่า บิลเบอร์รี่ มีสารสีน้ำเงินอมม่วง ที่เรียกว่า แอนโธไซยาโนไซด์ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นตัวต้านอนุมูลอิสระสูง เมื่อเทียบกับผักและผลไม้อื่นๆ และยังช่วยบำรุงและสร้างโรดอบซิน (Rhodopsin) ซึ่งเป็นสารเคมีที่จอรับภาพ จึงช่วยให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด ทำให้เราสามารถมองเห็นภาพได้แม้ในที่มีแสงน้อย

ประโยชน์ของอาหารเสริมที่สกัดจากบิลเบอร์รี่ ต่อสุขภาพดวงตา

 1. ช่วยถนอมดวงตา ทำให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้น

 2. ช่วยรักษาอาการตาบอดกลางคืน ( Night blindness)

 3. ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา เมื่อใช้สายตานานๆ

 4. ช่วยป้องกันเลนส์ตาและช่วยให้คอลลาเจนในตาในส่วน cornea และหลอดเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น

 5. ช่วยลดอนุมูลอิสระในจอตา ทำให้ป้องกันอาการเสื่อมที่มักจะเกิดกับดวงตาให้น้อยลงได้ เช่น ต้อกระจก ต้อหิน ต้อเนื้อ ตาเสื่อมในคนสูงอายุ(สายตายาว)





    ด้วยเหตุนี้ การบริโภคบิลเบอร์รี่สดหรือในรูปเบอร์รี่สกัดเข้มข้น รวมทั้งผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จึงช่วยบำรุงสายตาได้อีกวิธีหนึ่ง สงสัยแสนเสน่ห์คงต้องไปหาเบอร์รี่มาทานบ้างซะแล้ว เพื่อมาบำรุงดวงตาคู่สวยของเรา

สอนการสร้าง Template Joomla ด้วย Artisteer 4 ง่ายมากๆ

Learning Joomla 2.5 - การออกแบบ ติดตั้งและใช้งาน Template

การใช้งานกูเกิลไดร์ฟ (Google Drive)



การสร้างเว็บเบื้องต้นจากGoogle Site.avi

สอนการเปลี่ยนธีม Google Chrome